เดินป่าคามิโคจิ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ในปี 2023 ที่ผ่านมา
ต่อจากตอนที่แล้วที่เดินมาถึงจุด Yokoo
อธิบายให้เห็นอีกครั้ง ว่าจุดไหนคือจุดไหนเป็นจุดๆไป
- นั่งรถบัสของอุทยาน จากที่จอดรถ Sawando ไปที่ Kamikochi Bus Terminal
- เดินเท้า จาก Kamikochi Bus Terminal ไปที่ลานแคมป์ Konashidaira : ประมาณ 10 นาที (ตรงนี้เดินผ่านสะพาน Kappa)
- เดินจาก Konashidaira ไปที่ Myojin จุดที่มีศาลเจ้า ไม่ต้องใส่รองเท้าดีๆก็เดินได้อยู่ : ประมาณ 1 ชม. (เดินไปอย่างเดียวนะ)
- เดินจาก Myojin ไป Tokusawa ที่มีไอศครีมและกาแฟแสนอร่อย : ประมาณ 1 ชม.
- เดินจาก Tokusawa ไป Yokoo จุดสุดท้ายก่อนเดินขึ้นเข้าจริงจัง : ประมาณ 1 ชม.
ถึงตรงนี้ ก็คือเราใช้เวลาประมาณ 3 ชม. นิดๆ ในการเดินมาถึงจุดที่เป็นสะพานตรง Yokoo นี้
ตรงจุดนี้ ถือว่าสูงจากระดับน้ำทะเลที่ประมาณ 1620 เมตร ซึ่งจุดเริ่มตรงแถวๆสะพาน Kappa นั้นจะมีความสูงที่ 1500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งถือว่าไม่ได้เดินขึ้นเยอะมาก ใช้เวลา 3 ชั่วโมงเพื่อเดินขึ้นประมาณ 120 เมตรเท่านั้น
แต่หลังจากนี้ที่จะเหนื่อย เพราะที่ Karasawa นั้นมีความสูงอยู่ที่ประมาณ 2300 เมตร เราต้องเดินขึ้นอีกประมาณ 800 เมตร โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเท่ากัน
แปลได้ว่า เราต้องเดินขึ้นเยอะมากอยู่ทีเดียว
เดินป่าคามิโคจิ เริ่มจากสะพาน Kappa
จากตรงจุดสะพาน Kappa นี้ จนถึงสะพาน Yokoo นั้น เป็นเหมือนการให้เราได้วอร์มอัพ สำหรับใครที่ไม่ค่อยได้เดินป่า หรือไม่มั่นใจในเรี่ยวแรงในขาของตนเองเท่าไหร่ ก็อาจเดินแค่จากแถวสะพาน Kappa ไปถึงที่ Myojin ก็พอ ไปกลับก็ 2 ชั่วโมงแล้ว
แต่ถ้ายังพอไหว อาจลองเดินไปถึงที่ Tokusawa ไปกินไอศครีม หรือไปถึงที่ Yokoo ชมบรรยากาศคนที่กำลังจะเดินขึ้นเขากันก็ได้อยู่
เอาล่ะ หลังจากเราได้วอร์มอัพกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มาเริ่มเดินขึ้นกัน
พัก ดื่มน้ำ จิบของเพิ่มพลังก่อนไปต่อ
เดินป่าคามิโคจิ จาก Yokoo นี้ จะเป็นช่วงที่เราจะพักกันให้เต็มที่ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ทานอาหาร ดื่มน้ำ ถอดรองเท้าพักเท้า เตรียมเสื้อผ้า เหมือนรีเซ็ทอีกครั้งเพื่อเข้าสู่อีกจุดหนึ่ง ซึ่งตรงจุดนี้คนจะเยอะมาก หาที่นั่งกันอาจยากหน่อยถ้าเป็นช่วงพีคๆ
ซึ่งก็อยากแนะนำว่าให้เตรียมเป็นพวกเยลลี่แบบนี้มาเผื่อด้วยก็ดี ช่วยให้เราไม่หมดแรงได้เยอะอยู่ เนื่องจากเป็นของเหลว ทำให้ซึมซับเข้าร่างกายได้ง่าย ร่างกายดูดพลังงานที่ได้กินเข้าไปได้เร็ว ทำให้สามารถชาร์จแรงที่เสียไปได้พอสมควร ถ้าเกิดไม่มีแรง ระหว่างทางอาจเกิดปวดหัว รู้สึกหมดแรงจริงๆไม่อยากเดินขึ้นมาได้ ฉะนั้นอยากให้หาอะไรไปกินกันครับ
ส่วนทีม KYU CAMP พกไป 4 ถุงต่อ 2 วัน เดินขึ้นดื่มไปประมาณ 2ถุง-2ถุงครึ่ง ที่เหลือไว้ดื่มตอนลงครับ
หลังจากข้ามสะพานไป ก็ค่อยๆเดิน ประมาณ 20 นาที เราจะเจอทางเดินขึ้นที่ดูเห็นชัดเจนว่าจะเริ่มเข้าป่าแล้ว
จากจุดนี้ไป จะค่อยๆเดินขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ทางจะเป็นหินก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตอนเดินต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ และถ้าเป็นช่วงพีคๆ คนเดินสวนกันก็จะเยอะ ตรงนี้จะมีกฎในการเดินป่าที่ญี่ปุ่นง่ายๆ 2 ข้อที่อยากให้จำกันเอาไว้ครับ
- ให้คนเดินขึ้นไปก่อน แต่ก็ดูจังหวะ ถ้าหลีกให้คนเดินลงไปก่อนได้ก็ได้ แต่หลักๆแล้วให้คนขึ้นไปก่อน
- เวลาหลบ ให้หลบที่ฝั่งภูเขา ไม่ยืนหลบที่ฝั่งเหว เพราะอาจโดนคนที่เดินนั้นชนแล้วหล่นเขาได้
ถ้าทราบ 2 ข้อนี้ไว้ ตอนเดินจะได้ไม่งง ว่าควรหลบฝั่งไหน ควรให้ใครไปกันก่อนครับ
ในระหว่างตอนเดิน ก็จะเห็นวิวภูเขาสวยๆตลอดทาง จากจุด Yokoo เราจะต้องเดินอ้อมเขาเขาหนึ่ง เพื่อที่จะไปที่ Karasawa กัน ซึ่งเขานี้ก็สวยงามมาก ถ้าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะมีสีเหลืองๆแดงๆอย่างที่เห็น
จากที่ Yokoo ไปแล้ว จะมีจุดพักใหญ่อีก 1 จุด คือตรงสะพาน Hontani(本谷橋)ที่จะมีสะพานแขวนเล็กๆ ให้เราข้ามเขาหนึ่งไปอีกเขาหนึ่ง ซึ่งใช้เวลาเดินจาก Yokoo ประมาณ 1 ชม. จะเป็น 1 ชม. ที่รู้สึกเหนื่อยกว่า 1 ชม.ในด้านล่างที่ผ่านมา
อีกหนึ่งสิ่งที่อยากจะแนะนำในการเดินป่า โดยเฉพาะใครที่ไม่ค่อยชินกับการเดินนานๆโดยใส่รองเท้าเดินป่าก็คือ เวลาได้พักที่ไหน ควรถอดรองเท้าให้ได้ระบายอากาศ เพราะถ้าเกิดว่ารองเช้าหรือถุงเท้าชื้น จะทำให้หนังของเท้าเราอ่อนตัว และเมื่อเกิดการเสียดสีเยอะๆจะทำให้รองเท้ากัด หรือหนังลอกได้ง่ายขึ้นเยอะๆ อันนี้แนะนำมากๆเลยจริงๆ
พยายามทำให้เท้าของเราแห้งอยู่ตลอดเวลาจะดีที่สุดครับ
หลังจากที่พักตรงสะพานนี้แล้ว ก็จะเข้าสู่ความเหนื่อยขั้นที่ 2
เดินป่าคามิโคจิ การที่จะเดินไปที่ Karasawa นั้น ทีมงาน KYU CAMP ขอแบ่งความเหนื่อยเป็น 4 ลำดับ
1=เหนื่อยแต่ฉันไหว
2=เธอ ฉันเหนื่อยแฮะ
3=โคตรเหนื่อยว่ะ
4=มึงเมื่อไหร่จะถึง
ซึ่งตรง 3 ชม.แรก จากที่ Bus Terminal มาถึง Yokoo นั้น ขอให้เป็น 0.5 คือเดินได้สบายๆ ไม่หนักหนาเกิน
จาก Yokoo มาที่สะพาน Hontani ให้เป็น 1
และหลังสะพาน Hontani คือ 2 จะเริ่มบ่นกันได้ว่าเหนื่อยแฮะ
ตรงนี้ก็จะเริ่มเป็นช่วงที่เดินขึ้นจริงๆจังๆขึ้นอีก ที่พักมีไม่เยอะเท่าไหร่ ถ้าเหนื่อย ก็ต้องหาจุดโล่งๆนั่งพักเอา พยายามไม่ให้บังทางเดิน และระหว่างเดิน ก็ควรจะมองว่าด้านหลังมีใครเดินตามมาเร็วๆไหม ถ้ามีให้หลบให้เขาไปก่อนครับ
เห็นใบไม้เปลี่ยนสีตลอดทาง แล้วแต่ช่วงเวลาด้วย
แต่ละปี ก็จะเปลี่ยนสีไม่พร้อมกัน ซึ่งใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจากจุดที่สูงที่หนาวก่อน และค่อยๆไล่ลงมา ซึ่งรูทเดินป่าที่คามิโคจินี้มีความสูงต่างกันกว่า 800 เมตร โอกาสที่จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีก็มีอยู่ไม่น้อย บางครั้งด้านล่างยังเขียว แต่พอเดินขึ้นไปเรื่อยๆจะเริ่มเปลี่ยนสี
ส่วนโซน 3 จะเป็นโซนที่ทางเดินเป็นกรวดเยอะหน่อย โอกาสลื่นเยอะ และคนเดินเยอะ ทางไม่ค่อยกว้างเลยไม่ได้ถ่ายมาและไม่มีรูป ส่วนนี้เป็นส่วนที่ตัดกำลังเราไปเยอะอยู่เหมือนกัน
แต่ระหว่างทาง ก็มีวิวสวยๆให้ชมอีกเยอะเลยนะ จะเริ่มเห็นภูเขาจากอีกมุม และวิวทิวทัศน์กว้างขึ้นเรื่อยๆ
สีของใบไม้ก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด ทำให้ได้พบกับบรรยากาศที่ต่างกับด้านล่างอย่างสิ้นเชิง
เดินขึ้นมาอย่างเดียว บางครั้งเราอาจลืมมองทางที่เราเดินมา แต่ถ้าหากได้มองกลับไปจะเห็นว่าเราเดินมาไกลขนาดไหนแล้ว บางครั้งก็ปลื้มใจกับตัวเองอยู่เหมือนกันนะ ที่เราทำได้มากกว่าที่คิด ไม่คิดว่าเดินมาได้สูงขนาดนี้
อยากให้ทุกคนได้ลองมองวิว มองทางเดินที่เราเดินมาระหว่างเดินกันด้วยครับ น่าจะสนุกได้มากขึ้น
เดินป่าคามิโคจิ โซนสุดท้าย โซนที่4 “เมื่อไหร่จะถึง…”
สุดท้าย ก่อนที่จะถึงจุด Karasawa Cirque เราจะต้องผ่านด่านแสนโหด ด่านที่คิดว่าหลายคนที่ได้มาเดินจะต้องคิดบ้างแหละว่า “เมื่อไหร่จะถึง” เพราะเราเดินมานานแล้ว แรงขาเริ่มหมด และจุดสุดท้ายมันมีความชันมาก สภาพร่างกายและจิตใจตอนนี้เริ่มห่อเหี่ยว
แต่ไม่รู้ทำไมนะ ถ้าเป็นปกติคิดว่าหลายคนคงเดินกันไม่ไหว ท้อ ร้องงอแงไม่เอาแล้ว แต่ที่นี่ ทุกคนสามารถเดินได้
อาจเพราะธรรมชาติให้พลังงานกับเรา
หรือ
เพราะจะให้เดินกลับกูก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน!!
ข้อไหนกันไม่รู้เหมือนกัน 55
พอหลังจากที่ผ่านจุดนี้ไปได้ ก็คือสบายละ ถึงจุดหมายปลายทางแล้วว
ขอบอกว่าหน้าลูกค้าทีไ่ปด้วยกัน ก่อนที่จะมาถึงตรงนี้คือไม่กล้าเอามาให้ทุกคนดูเลย มีความทรหดอยู่พอสมควร แต่ถึงจุดนี้ ยิ้มแย้มกันทุกคน ซึ่งโชคดีด้วยที่ช่วงที่เราไปนั้นอากาศดีพอดี
ต้องขอบอกไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งนะครับ ว่าการท่องเที่ยวกับธรรมชาตินั้น บางครั้งเราอาจต้องเจอกับฝน ไม่ได้เห็นวิวที่เห็นว่ารีวิวกันมา แต่ตรงนี้ก็อยากจะให้ทุกคนเข้าใจกันว่าเราไม่สามารถไปบังคับได้
กลับกัน
เมื่อเราได้เห็นวิวนั้นแล้ว จะรู้สึกได้ว่า วิวนี้ไม่ใช่วิวที่ใครก็จะได้เห็นกันง่ายๆ
มีเงื่อนไขเรื่องอากาศ เรื่องพละกำลัง เรื่องเวลา ฯลฯ
การเที่ยวกับธรรมชาติมันสนุกตรงนี้นี่แหละครับ
พอถึงตรงจุด Karasawa Cirque แล้ว ก็เป็นเวลาพักกัน ถ้าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เริ่มเดินตั้งแต่ประมาณ 8 โมงเช้า ก็จะถึงที่ด้านบนก่อนพระอาทิตย์จะตก ได้ชมวิวสวยๆอยู่
และก็ทานอาหารกันบนนี้เลย
ขอบอก ว่าหนาวมากครับ พอหลังพระอาทิตย์ตกนี่คือหนาวมากจริงๆ เตรียมเสื้อกันหนาว กันลม หมวก ถุงมือ มีอะไรเอามาให้หมด แต่ไม่แนะนำให้พกเสื้อหรืออุปกรณ์อะไรหนักๆนะครับ
ถึงหนาวอย่างไร ตอนกลางคืนก็อยากให้ได้ลองออกมาชมวิวของไฟเต็นท์กัน คนจะมาถ่ายรูปกันเยอะมาก แต่แนะนำให้รีบมาหน่อยนะ ฟ้ามืดแล้วลองมาเลยก็ได้ เพราะถ้าดึกไปแล้วก็จะมีเต็นท์ที่เริ่มนอนและปิดไฟกัน
แต่ถ้าต้องการถ่ายดาวก็อาจต้องดึกๆ ซึ่งหนาวจริงๆ
พอตื่นเช้ามา อีกสิ่งหนึ่งที่ถ้าเกิดโชคดี ก็จะได้เห็นปรากฏการณ์แสงอาทิตย์สาดผ่านภูเขาเขามากระทบเขา
สวยจนบอกไม่ถูก ต้องไปดูเองจริงๆครับ
ซึ่งไม่กี่นาทีก็หายไปแล้ว
ความแดงของแต่ละวันก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับอากาศของแต่ละวันด้วย
เดินลง
ขาลง ถ้าเกิดว่าคืนไหนหนาวมาก โอกาสที่ใบไม้จะเปลี่ยนสีแดงขึ้นก็มีอยู่ไม่น้อย ซึ่งครั้งนีก็เช่นกัน เห็นความแตกต่างของสีใบไม้ใน 2 วันได้ชัดเจนมากๆ
บอกได้เลยว่าวิวสวยสองต่อจริงๆ
เดินป่าคามิโคจิ ของปีที่ 2023 ที่ผ่านมา ถือว่าทางทีมงาน KYU CAMP โชคดี อากาศดีเกือบทุกครั้งที่ไป ขอให้ปี 2024 นี้อากาศดีเหมือนเดิมครับ
ซึ่งปี 2024 นี้ เราได้มีจัดเป็น 2 ฤดู คือฤดูร้อน ช่วงเดือนสิงหาคม และฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เดือนตุลาคม เช่นเดิม
ฤดูร้อนญี่ปุ่น มีโอกาสฝนตกเยอะกว่า แต่ก็เป็นช่วงที่ชาวญี่ปุ่นชอบมากไม่แพ้ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเลยนะครับ
พบกัน ณ ยอดเขาสักแห่งในประเทศญี่ปุ่นครับ