เดินป่าคามิโคจิ
ในปี 2023 ที่ผ่านมา เราได้มีการพาเพื่อนๆไปเดินป่าที่คามิโคจิกันมา โดยเดินขึ้นไปถึงจุดที่เรียกกันว่า Karasawa ซึ่งเป็นแอ่งที่เกิดขึ้นมาเมื่อราว 2หมื่นปีที่ผ่านมา ในช่วงที่อยู่ในยุคน้ำแข็ง ในยุคนั้นมีน้ำแข็งกัดเกาะ จนกลายมาเป็นแอ่งที่หน้าตาเป็นเหมือนปัจจุบันนี้
โดย Karasawa นั้น ถือเป็นจุดที่คล้ายๆกับ Base camp หรือจุดพักเพื่อจะเดินต่อสู่ยอดเขาอื่นๆของแอลป์ตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรอบๆแอ่งนี้ มีภูเขาที่สูงจากพื้นทะเลขั้น 3,000 เมตรอยู่หลายยอด ทำให้เป็นหนึ่งใจจุดยอดฮิตที่ทุกคนจะมารวมตัวกัน และทำการพักเพื่อปีนสู่ยอดเขาอื่นๆต่อ
แต่เนื่องจากที่จุดนี้เป็นจุดที่เห็นวิวได้รอบทิศ และมีวิวทิวทัศน์ที่ไม่เหมือนกับภูเขาไหนๆในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ Karasawa นั้นเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของผู้คนที่ชอบภูเขากันเป็นอย่างมาก
และที่สำคัญ ใบไม้แดงที่เห็นได้จากจุดนี้ ก็ถูกขนานนามกันว่าเป็นใบไม้แดงที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกปีจะได้เห็นใบไม้แดงที่สวยตามภาพ เพราะเมื่อเป็นธรรมชาติ บางสิ่งเราก็อาจต้องพยายามเข้าใจว่าไม่สามารถบังคับได้
บางปีแดงช้า
บางปีแดงเร็ว
บางปีแดงเยอะ บางปีก็แดงน้อย หรือสีไม่สด
แต่ก็มีบางปี ที่สวยงามกว่าที่เคยเห็นกันมาก่อนเช่นกัน
การเดินทางไปคามิโคจิ
เดินป่าคามิโคจิครั้งนี้ เราเริ่มเดินกันจากที่ Kamikochi Bus Terminal ซึ่งเป็นจุดที่คนที่มาคามิโคจินั้นน่าจะได้ผ่านกันมาหมด
หนึ่งเหตุผลที่ทำให้คามิโคจินั้นมีความพิเศษก็คือการที่มีการจัดการออกกฎไม่ให้รถทั่วไปเข้ามาในเขตุของอุทยานได้ โดยถ้าใครที่ขับรถส่วนตัวเข้ามา ก็ต้องทำการจอดรถที่ที่จอดรถด้านนอกก่อน แล้วค่อยทำการขึ้นรถบัสต่อเข้าไปอีกรอบ แต่ถ้ามาเป็นกรุ๊ปทัวร์ โดยส่วนมากทางบริษัทรถบัสของทัวร์จะเป็นผู้ติดต่อขอทำการเข้าพื้นที่ ซึ่งถ้าบริษัทไหนไม่ได้ขอไว้ก่อน มีสิทธิโดนห้ามเข้าด้วย (โดยไม่ค่อยมีเคสนี้)
ที่จอดรถด้านนอกที่ว่า ก็มีอยู่หลายที่จอด แต่ที่จอดที่มีจำนวนเยอะ และเดินทางจากทางฝั่งโตเกียวง่ายที่สุดก็จะเป็นที่จอดที่ชื่อว่า Sawando Parking Lot โดยมีอยู่หลายที่อยู่ ใครที่เคยไปครั้งแรกอาจงงหน่อย แต่ที่ใกล้กับสถานีรถบัสใหญ่ที่สุดก็จะเป็น No.3
https://maps.app.goo.gl/WwYBNwRhY67PbMD57
บางคนก็มาจอดกันตั้งแต่ตอนกลางคืนเลยเพื่อนอนพักในรถ และตื่นขึ้นมาตอนเช้าเพื่อพยายามขึ้นรถบัสคันแรก ซึ่งรถบัสจะเริ่มรอบแรกประมาณช่วงตี5
ถ้าเป็นช่วงพีคๆ การแย่งกันขึ้นรถบัสนี่ถือว่าเป็นงานหนักมาก บางคนมารอตั้งแต่ตี4 กว่าจะได้ขึ้นรถบัสก็ปาเข้าไปจะ 6โมงก็มีเหมือนกัน ซึ่งช่วงพีคที่ว่านี้ก็คือช่วงวันศุกร์เสาในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และยิ่งถ้าเป็นวันหยุดยาวยิ่งลำบากใหญ่เลย
สามารถซื้อตั๋วรถกันได้ที่จุดนี้ จะซื้อจากเคาน์เตอร์ก็ได้ หรือจะซื้อจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติก็ได้เหมือนกัน สามารถใช้บัตรเครดิตได้ด้วยนะ คนละ 2,400 เยน(รวมไป-กลับ)
ขอเตือนไว้ก่อน ว่าถ้าซื้อตั๋วไปกลับให้พยายามเก็บตั๋วไว้ดีๆ เพราะเราเองทำหายมาเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าไปหายได้ตอนไหน แต่พอเดินขึ้นเขา นำของเข้าของออก เปลี่ยนเสื้อใส่เสื้อบ่อยเพราะอากาศร้อนบ้างหนาวบ้าง สรุปจำไม่ได้ว่าตั๋วไปอยู่ไหนหรือหล่นตอนไหน เลยต้องเสียเงินเพิ่มฟรีๆ
หลังจากซื้อตั๋วเป็นที่เรียบร้อย ก็เดินทางป้ายเลย ที่นี่จัดการดีมาก เขามีป้ายบอกตลอดว่าให้ไปทางไหน รถบัสขึ้นทางไหนอย่างไร ไม่ต้องกลัวหลง ตามป้ายไปโลดด
อ้อ แล้วถ้าใครมากันเป็นกลุ่มสัก 4 คน การใช้รถแท็กซี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่แย่เหมือนกัน หารออกมาแล้วก็แพงอยู่นิดเดียว
ในตั๋ว จะมีเขียนว่าขึ้นรถรอบไหน ก็ไปรอรถก่อนเวลาสักนิดหน่อย กระเป๋าใบไหนที่ขนาดใหญ่ก็นำลงใต้ท้องรถ ทางเจ้าหน้าที่จะมีการแจ้งให้นำขวดน้ำที่เสียบอยู่ข้างกระเป๋า หรืออะไรที่สามารถหล่นได้ออกมาก่อนนำลงใต้ท้องรถด้วย
ใช้เวลานั่งประมาณ 25 นาทีก็ถึงจุดหมาย
เริ่มเดินกันดีกว่า
หลังจากที่นั่งรถบัสกันประมาณ 25 นาทีแล้ว ก็ถึงที่ Kamikochi Bus Terminal ซึ่งก็จะมีร้านขายของฝาก ห้องน้ำอยู่ในจุดนี้ ซึ่งห้องน้ำตรงนี้จะมีค่าบริการนะ ครั้งละ 100 เยน (ในปี 2023) โดยจะมีกล่องใส่เงิน เราก็ต้องใส่เอง ซึ่งเขาก็เขียนว่าเป็นการบริจาคหรือค่าทิป มีบางคนที่ไม่จ่ายเหมือนกัน แต่เพื่อเป็นกำลังใจให้กับพนักงานที่ช่วยกันรักษาธรรมชาติสวยๆนี้ ถ้าไม่หนักเกินรับไหวก็ช่วยกันจ่ายเป็นทิปให้กันก็น่าจะดีต่อป่าด้วยครับ
จากตรงจุดที่ลงรถบัส เดินอีกนิดหน่อยก็จะถึงจุดยอดฮิตคือ “สะพานกัปปะ” นักท่องเที่ยวส่วนมากที่มาคามิโคจิกัน ก็ต้องการที่จะมาพบกับวิวนี้ ตรงนี้คนจะเยอะมากถ้าเป็นช่วงซีซั่น ตอนถ่ายอาจติดคน แต่ก็ช่วยไม่ได้ ถือว่าเป็นบรรยากาศดีๆอีกแบบ มีความคึกคักมากๆ
ซึ่งพอใครได้เห็นวิวนี้ตอนที่อากาศดีและเห็นภูเขาด้านหลังพร้อมกับสะพานและแม่น้ำเข้า ก็น่าจะเข้าใจว่าทำไมทุกคนอยากมาถึงจุดนี้ให้ได้ สวยจริงๆ
ซึ่งมาถึงตรงนี้ได้ก็พอใจแล้วเหมือนกันนะเพราะมันสวยมาก
แต่ครั้งนี้ เรามา
เดินป่าคามิโคจิ !! เราจึงไม่สามารถพอใจแค่นี้ได้ จากจุดนี้เราก็ต้องเดินอีกหน่อยเพื่อเข้าไปสู่จุดลานกางเต็นท์ที่ใกล้กับสถานีรถบัสที่สุด ทางเดินจะเป็นหินกรวด ลากกระเป๋าลำบากหน่อย แต่ก็สามารถนำมาได้อยู่เหมือนกัน จากตรงนี้เดินประมาณเกือบ 10 นาทีอยู่เหมือนกัน
ทริปของ KYU CAMP เราก็ได้มีการจัดการให้ผู้เข้าร่วมได้นอนในบ้านพักกัน ซึ่งแต่ละกรุ๊ปก็จะดูตามความเหมาะสม ถ้าเป็นกรุ๊ปทั่วไปก็จะพาไปพักกันที่ลานกางเต็นท์ Konashidaira ที่อยู่ใกล้กับสถานีรถบัสคามิโคจิมากที่สุด เพื่อให้ได้มีเวลาเดินเล่นกันรอบๆสะพานกัปปะก่อน
แต่บางกลุ่ม ที่อาจเคยมาแล้ว หรือต้องการมาเดินป่าอย่างเดียวจริงๆ และต้องการเดินตั้งแต่วันแรกเลย ก็จะทำการแพลนให้เดินเข้าไปนอนพักด้านในอีกจุดหนึ่ง เพื่อที่จะเดินขึ้นเขาในวันรุ่งขึ้นได้ง่ายขึ้น และถึงด้านบนได้เร็วขึ้น ก็อาจพาไปพักกันที่จุดอื่นได้เช่นกัน อย่างปี 2023 ที่ผ่านมานั้นก็ได้พาไปพักที่ Tokusawa กันด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่สวยมากๆและเหมาะกับการพักผ่อนก่อนเดินขึ้นเขา สามารถนอนเต็นท์ได้ด้วยเหมือนกันนะ บรรยากาศดีมากๆ
ตื่นเช้ามา ถ้าเป็นที่ Tokusawa ก็จะได้เห็นวิวประมาณนี้เลย
เดินป่าคามิโคจิ
การเริ่มเดิน ก็จะเริ่มเดินเป็นรูทประมาณนี้
Kamikochi Bus Terminal ⇒ Konashi Daira ⇒(1hr.) Myojin ⇒(1hr.) Tokusawa ⇒(1hr.) Yokoo
หลังจา่กที่ลงจากรถบัส ก็จะเดินกันประมาณ 3 ชม. เพื่อไปถึงจุดสุดท้ายก่อนที่จะเดินขึ้นเขาจริงจังก็คือ “Yokoo” ตามรูปด้านล่าง สีส้มคือเป็นรองเท้าธรรมดาได้ สีเขียวเป็นต้นไป ก็คือแนะนำให้ใช้รองเท้าเดินป่า ก็คือหลัง Konashi Daira ควรใช้รองเท้าที่เหมาะกับการเดินป่าจะปลอดภัยกว่า
https://www.kamikochi.or.jp/enjoy/walking/
จากจุดลงรถบัสมาถึงตรง Yokoo นี้ จะเป็นทางราบเกือบทั้งหมด บรรยากาศสวยงาม มีแม่น้ำอยู่ตลอดทาง ถ้าเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถ้าเจอแดด ก็จะร้อนได้ แต่ถ้ามีลมและไม่มีแดด ก็จะกลายเป็นหนาวไปได้เลย ฉะนั้นควรเตรียมเสื้อผ้าที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ เพื่อทำการปรับอุณหภูมิ
ในจุดต่างๆที่ได้บอก อย่างเช่น “Myojin” “Tokusawa” หรือ “Yokoo” แต่ละที่ก็จะมีเอกลักษณ์ต่างกันไป ซึ่งเพื่อการเดินที่ไม่เหนื่อยเกิน ก็อยากแนะนำให้พักในทุกๆจุด และซื้อของกินไปเรื่อยๆในแต่ละจุดก็ดีอยู่เหมือนกัน
อย่างกาแฟ และไอศครีมของที่ Tokusawa เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ
กินทุกจุดเพื่อเพิ่มพลังงาน และพักยืดแข้งยืดขา เตรียมความพร้อมเพื่อที่จะข้ามสะพาน Yokoo ไปสู่ทางเดินที่จะค่อยๆลำบากขึ้นเรื่อยๆ
ตรงจุด Yokoo นี้ ควรทำการเช็คอาหาร เช็คเสื้อผ้า น้ำดื่มต่างๆให้พร้อม และเข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อย เพราะต้องเดินขึ้นเขากันเหนื่อยพอสมควร
จะเป็นทางเดินอย่างไร ติดตามกันตอนต่อไปครับ
เดินป่าคามิโคจิ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีปี2023