KYU CAMP ได้มีการจัดทริป แคมป์ปิ้งญี่ปุ่น อยู่ปีละกว่า 10 ทริป ซึ่งจะจัดในสถานที่ที่แตกต่างกันไปตามฤดูกาล โดยส่วนมากจะเป็นการท่องเที่ยวธรรมชาติที่ไม่ห่างจากโตเกียวมากเกินไป จะมีที่ห่างจากโตเกียวก็คือเมืองแห่งธรรมชาติอย่างฮอกไกโด
แต่ว่าเนื่องจากสถานการณ์ของโควิด 19 นี้ทำให้เราไม่สามารถพาเพื่อนๆไปแคมป์ปิ้งหรือเที่ยวธรรมชาติญี่ปุ่นได้ ซึ่งทริปสุดท้ายของเราก่อนโควิดจะระบาดก็คือฮอกไกโดตะวันออกในปลายเดือนมกราคม2019ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นทริปไปส่องสัตว์ฤดูหนาว สนุกสนานได้พบสัตว์ป่าหายากมากมายและหนาวสุดๆ(จุดที่หนาวสุดของทริปอากาศอยู่ที่ประมาณ -30องศาฯ ใครที่อยากไปทดสอบร่างกายไปด้วยกันครับ)
และถ้าเกิดว่าทุกอย่างปกติ เดือนนี้เราคงได้พาเพื่อนไปไปแคมป์ปิ้งกันที่ลานกางเต็นท์ในฝันของชาวแคมป์เปอร์ทั่วโลกแห่งหนึ่งนั่นก็คือลานแคมป์ปิ้งหน้าทะเลสาบ Motosu
เพื่อความสะดวกสบาย ทริปของเราจะมีรถและไกด์รับส่งดูแลตั้งแต่ในตัวเมืองโตเกียว ซึ่งครั้งนี้เราได้นัดกันที่สถานีชินจุกุซึ่งเป็นสถานีที่เข้าถึงได้ง่าย และเรายังมีเซอร์วิสวนรถไปรับถึงหน้าที่พักได้เช่นเดียวกัน(ถ้าไม่ไกลเกินไป) ใครที่ไม่อยากจะขับรถเองให้เหนื่อยก็สบายใจได้เลย
※หลังจากนั้นมีรีเควสเข้ามาว่าอยากจะขับรถเพื่อเจอกันที่ลานแคมป์ปิ้งเลย เราก็มีแพคเกจสำหรับเพื่อนๆที่เดินทางมาเอง โดยมีรวมทุกอย่างในการแคมป์ปิ้งพร้อมอาหาร แต่ไม่รวมค่าเดินทางและทัวร์อื่นๆ
หลังจากรับทุกท่านจากโตเกียวครบแล้ว ระหว่างทางเราจะแวะที่ Outdoor Village ที่เป็นศูนย์รวมแบรนด์เอาท์ดอร์ชั้นนำระดับโลกไว้แห่งเดียว ภายในทัวร์จะไม่ได้มีรวมอาหารกลางวัน แนะนำให้ทานอาหารที่ร้านที่ทาง snowpeak มาเปิดเอง มีอาหารอร่อยๆและบรรยากาศภายในดีมาก อุปกรณ์ต่างๆก็เป็นของ snowpeak ทำให้เราได้เรียกน้ำย่อยก่อนออกแคมป์จริงๆ
พอเดินทางถึงลานแคมป์ เช็คอินกับทางลานพร้อมสต๊าฟของKYU CAMPเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาพาทุกท่านแยกย้ายเก็บของกันในเต็นที่เราเตรียมเอาไว้ให้ก่อน เพื่อความสะดวกสบายเราจะกางเต็นท์เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
หลังจากเข้าเก็บของเรียบร้อยก็ถึงเวลานั่งเพลินๆ อากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลินั้นจะดีมาก โอกาศที่ฟ้าจะเปิดนั้นเยอะและฟ้าจะใสมาก ทำให้สามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิหน้าทะเลสาบได้สวยงาม ซึ่งเราจะจัดเตรียมจุดนั่งพักให้ที่ติดกับทะเลสาบเลย ส่วนเต็นท์นั้นตามปกติแล้วจะจัดที่ให้ติดหน้าทะเลสาบ แต่บางครั้งถ้าเกิดระดับน้ำทะเลสาบสูงมากก็จะมีความจำเป็นที่ต้องนำเต็นท์ไปกางพื้นที่ที่ห่างจากทะเลสาบนิดหน่อย แต่เห็นทะเลสาบอยู่ดี
ช่วงเวลานี้ชาวญี่ปุ่นจะชอบเรียกกันว่า”โกลเด้นไทม์” โดยจะใช้แทนช่วงเวลาที่ไม่ได้พบได้ตลอด สีของท้องฟ้าสวย เห็นฟูจิเต็มๆไม่มีเมฆสักก้อนอย่างนี้จะไม่เรียกว่าโกลเด้นไทม์ได้อย่างไร อีกไม่นานก็มืด ช่วงนี้ก็ได้ใช้เวลาในการชมฟูจิพร้อมกับถ่ายรูปกัน
อากาศช่วงเวลาเย็นๆของฤดูใบไม้ร่วงก็จะหน้าตาประมาณนี้ เป็นเวลาที่ทุกคนรอคอย สีท้องฟ้าสวยมากพร้อมกับฟูจิที่เริ่มมีหิมะปกคลุม
วิวนี้เองที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทิศอยากมาเห็นให้ได้ ถือว่าเป็นลานแคมป์ปิ้งที่เห็นวิวฟูจิได้อลังการจริงๆ เราจะได้เห็นวิวนี้กันเต็มๆตลอด2วันถ้าอากาศเป็นใจ และเราจะทานอาหารเย็นกันหน้าวิวนี้ด้วย
อาหารแนวแคมป์ๆ มีเสิร์ฟเรื่อยๆหลายเมนูอยู่ อาหารจะเปลี่ยนไปแล้วแต่ทริป ทางสต๊าฟของ KYU CAMP ที่เป็นคนญี่ปุ่นจะเป็นคนทำอาหารให้ทานกัน แต่ว่าถ้าใครอยากจะทานอะไรเป็นพิเศษก็สามารถซื้อจากซูปเปอร์ที่เราได้แวะมาเองได้เช่นเดียวกัน น้ำต่างๆนั้นเรามีเตรียมเอาไว้ให้ทั้งน้ำชา กาแฟ น้ำอัดลม ฯลฯ แต่ไม่รวมแอลกอฮอล์เท่านั้นเอง ใครอยากดื่มซื้อมาได้เลย สต๊าฟขอดื่มเป็นเพื่อนด้วยนะครับ แหะๆ
ทานอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มจิบเบียร์หรือจะเป็นชากาแฟอะไรก็ได้ตามใจชอบและชมวิวต่อตอนกลางคืน ฟูจิจะสวยไปอีกแบบ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าหลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้วอุณหภูมิจะลดลงเร็วมากและลมก็แรงอยู่ทำให้รู้สึกหนาวอยู่พอสมควร เรามีไฟให้ผิงตลอดจนทุกคนเข้านอน แต่ว่าก็ยังหนาวอยู่ดี ควรเตรียมเสื้อกันหนาวมากันให้เต็มสูตร ความหนาวนี่แหละครับ อีกหนึ่งเสน่ห์ของ แคมป์ปิ้งญี่ปุ่น แต่ไม่ควรดูถูกความหนาวของเขานะ หนาวจริงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาดื่มกาแฟกันเป็นพิธีแล้วเราก็จะมีทริปเล็กๆพาไปเที่ยวรอบๆแถวนี้กัน เช่นพาไปทานไอศครีมนมรสชาติแสนละมุน ไปหาคุณลุงเจ้าของฟาร์มวัวนม หรือไปหุบเขาที่ใบไม้แดงกำลังเริ่มสวย
ตื่นเช้ามาในวันที่สอง ดื่มชากาแฟหรือเครื่องดื่มที่ KYU CAMP เตรียมเอาไว้ให้ก่อนขึ้นรถเดินทางไปเที่ยวกัน เราจะกลับมาที่ลานแคมป์อีกครั้งตอนบ่ายๆ ระหว่างวันก็ไปเที่ยวข้างนอกกัน เรื่องอาบน้ำ ที่ลานแคมป์มีตู้อาบน้ำแบบหยอดเหรียญให้ใช้บริการ ราคา 100 เยนอาบได้ 2 นาที ใครอาบเร็วๆ 100 เยนก็ทัน เพราะระหว่างนั้นสามารถเปิดปิดน้ำได้โดยเครื่องจะนับแค่เวลาที่น้ำเปิดเท่านั้น แต่ว่าจะลำบากหน่อยสำหรับใครที่ผมยาวเพราะว่าไม่มีไดร์เป่าผมให้บริการ ถ้าเกิดต้องการเป่าผมพร้อมแช่น้ำอุ่นก็มีห้องอาบน้ำรวมด้านบนของลานแคมป์ให้ใช้บริการถึง 2ทุ่ม
สถานที่แรกที่เราได้พาไปในทริปนี้คือหุบเขา Shosenkyo เป็นหุบเขาที่ขึ้นชื่อในเรื่องของน้ำตกและใบไม้เปลี่ยนสี มีทางเดินข้างหุบเขาให้เราได้ชมวิวตลอดทางประมาณ 1.5 กม. (อาจดูทางเดินยาว แต่อากาศไม่ร้อนเดินได้เรื่อยๆไม่เหนื่อยมาก) ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนสถานที่เพราะเราจะพยายามให้ทุกท่านที่มากับเราได้ไปในสถานที่ที่ใบไม้แดงสวยที่สุดในช่วงนั้นๆ
หลังจากเดินชมวิวของ Shosenkyo เสร็จเรียบร้อยก็น่าจะเริ่มหิวกันแล้ว แต่ก่อนจะพาไปทานอาหารกลางวัน(ไม่ได้รวมอาหารกลางวันในทริปนี้) เราจะพาไปฟาร์มวัวนมกันก่อนในโซน Asagiri ซึ่งเป็นแหล่งผลิตวัวนมชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัด ไปเจอกับคุณลุงของทางฟาร์ม ถ้าเกิดว่าเขามีเวลาว่างหน่อยเขาจะพาเรานั่งรถแทรคเตอร์เล่นได้ด้วย
ที่ฟาร์มแห่งนี้ เราสามารถทดลองทำเนยสดเองได้ ทานไอศครีม(ซอฟท์ครีม)ที่คุณลุงแกบอกว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่น(อร่อยจริง) ไปให้อาหารวัว สนุกสนานกันไป ร้านเขาดังแบบลับๆหน่อยนึง ประมาณว่าถ้ามาเมืองนี้แล้วไม่มาลองกินไอศครีมร้านนี้ถือว่ามาไม่ถึงประมาณนั้น ที่น่าลองก็คือซอฟท์ครีมพุดดิ้ง! ที่หวานใช้ได้อยู่เหมือนกัน แต่บาลานซ์โอเคเลย กินแป๊ปเดียวหมด
ลุงน่ารัก วัวก็น่ารัก ไอศครีมอร่อย ทำเนยสดสนุกสนาน วิวก็สวย ทริปนี้เพอร์เฟ็คอยู่เหมือนกัน
เสร็จจากฟาร์มแล้วก็พาไปทานอาหารกันที่ Road Station ของโซน Asagiri ขอบอกเลยว่าร้านอาหารในนี้อร่อยมา อะไรอร่อยยังไงมากับเราแล้วจะบอกให้ 555
นอกจากอาหารแล้ว อย่างที่บอกไปว่าที่โซน Asagiri นั้นดังในเรื่องนมวัวมาก ทำให้ซอฟท์ครีมนมนั้นดังมาก และที่จุดพักรถที่นี่ก็มีให้ทานอีกเช่นกัน สำหรับใครที่ท้องใส้ไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไหร่อาจไม่ค่อยโอเค แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลองซอฟท์ครีมที่นี่ด้วย คาแรคเตอร์ของไอศครีมจะไม่เหมือนกับของร้านลุงเลย ส่วนความอร่อยนั้นคืออร่อยมากเหมือนกัน ถึงจุดนี้ก็แล้วแต่คนชอบจริงๆแล้วว่าชอบคาแรคเตอร์แบบไหน ส่วนของที่นี่ที่ไม่ควรพลาดคือซอฟท์ครีมที่เสิร์ฟพร้อมนมสด การมีนมสดมาด้วยทำให้ลดความหวานและเพิ่มความละมุนเพิ่มเติมเข้าไปอีก
ก่อนเดินทางกลับแคมป์ เราก็มีแวะจุดถ่ายรูปอีกหน่อยและมีแวะซูเปอร์เผื่อใครอยากซื้อะไรเข้าลานแคมป์เพิ่มเติม เสร็จเรียบร้อยก็เดินทางเข้าลานแคมป์ก่อนมืด วันนี้เราจะนอนเต็นท์ที่เดิมอีกหนึ่งคืนเพื่อรับบรรยากาศของลานแคมป์กลับไปเต็มๆ
วันสุดท้าย พาไปเที่ยวหมู่บ้านน้ำใส (สถานที่อาจมีเปลี่ยนตามสถานการณ์) พาชมวิวตามทะเลสาบต่างๆรอบฟูจิก่อนเดินทางกลับชินจุกุกันโดยสวัสดิภาพ การเดินทางจากทะเลสาบ Motosu ไปถึงภายในเมืองโตเกียว ถ้าไม่แวะที่ไหนเลยจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นทะเลสาบที่อยู่ไกลจากโตเกียวมากกว่าทะเลสาบ Kawaguchi หรือ Yamanaka ที่เป็นทะเลสาบชื่อดังทำให้เข้าถึงยากใช้เวลาเยอะมากนิดหน่อย ก่อนกลับเราเลยมีการแวะสถานที่เที่ยวที่จะอยู่ระหว่างทางกลับหรือไม่ก็ใกล้ๆกับลานแคมป์ปิ้งเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
ถ้าเกิดว่าใครต้องการจะพายเรือก็สามารถพายได้ เราจะมีเวลาเผื่อให้สามารถพายกันได้ แต่ต้องแจ้งก่อนเพื่อที่เราจะทำการจัดเวลาให้คุ้มค่าที่สุด(ค่าเช่าเรือไม่ได้รวมในทัวร์)
ถือว่าทริปฤดูใบไม้ร่วง(ใบไม้เปลี่ยนสี)ปี 2019 จบไปด้วยรอยยิ้มของลูกค้าแสนน่ารักทุกท่าน มีคอมเมนท์มาว่าหนาวอยู่ตอนนอน ซึ่งเรามีเซอร์วิสให้ถุงน้ำอุ่นก่อนทุกท่านเข้านอนและถุงนอนที่ใช้ได้ถึงอุณหภูมิต่ำสุก -18องศาฯ แต่ว่ายังมีบางท่านที่ยังรู้สึกหนาวอยู่ ทำให้เรามีการแก้ไขปัญหาตรงนี้คือการใช้ฮีตเตอร์แก๊สขนาดเล็กภายในเต็นท์ทุกเต็นท์ ซึ่งจะมีการแจ้งวิธีใช้ก่อนเข้านอนให้เข้าใจกันก่อนเพราะมีความอันตรายถ้าเกิดไม่เปิดที่ระบายอากาศเอาไว้ หรือถ้าไม่ระวังอาจทำให้เต็นท์ไหม้ได้
※โปรแกรมของปี 2021 จะมีอยู่ 3 แบบคือ
แคมป์อย่างเดียว (1คืน) : พักอย่างเดียว นัดเจอที่ลานแคมป์ ใช้อุปกรณ์แคมป์ปิ้งได้ทุกอย่าง มีเต็นท์ที่นอนถุงนอนให้ครบ มีคนดูแลในลานแคมป์พร้อมช่วยเรื่องการเช็คอิน ไม่มีรถรับส่ง ไม่มีพาเที่ยว อาหารเลือกได้ว่าจะทานหรือไม่
2วัน1คืน : ทัวร์ 2 วัน พักแคมป์ 1 คืน เที่ยวจุดหลักๆรอบๆฟูจิ นัดเจอที่โตเกียวมีรถรับส่งโตเกียว มีรถและไกด์พาเที่ยวตามโปรแกรม
3วัน2คืน : ทัวร์ 3 วัน พักแคมป์ 2 คืน เที่ยวเต็มสูตร นัดเจอที่โตเกียวมีรถรับส่งโตเกียว มีรถและไกด์พาเที่ยวรอบๆฟูจิในที่ที่แนะนำในช่วงนั้นๆแบบ Full Course
สามารถติดตามโปรแกรมอัพเดทได้เรื่อยๆที่เพจ FB ของเรา หรือภายในเว็บไซท์ก็ได้
โปรแกรมทัวร์ Lake Motosu ➡ https://bit.ly/2NsWml1
เว็บฯของลานกางเต็นท์ที่เราไป ➡ https://kouan-motosuko.com/en/
